วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2562


งานอดิเรก
    
   1.)ทำการบ้าน
            
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทําการบ้าน

         เพื่อเพิ่มพูนทักษะ พัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะของผู้เรียน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต่อต้านการสั่งการบ้านกลับมองว่า การบ้านนั้นเป็นแค่การยัดเยียดความรู้ให้ผู้เรียน โดยไม่ทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในเนื้อหา เป็นงานหยาบๆ ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยเวลามาจากเด็กโดยไม่ก่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม การบ้านอาจจะถูกออกแบบมา เพื่อเพิ่มเติมในสิ่งที่นักเรียนได้เรียนไปแล้ว และเตรียมตัวให้ผู้เรียนพร้อมต่อบทเรียนถัดไปที่ยากขึ้น และซับซ้อนมากขึ้น, เพิ่มเติมความรู้ให้ผู้เรียน โดยการประยุกต์ใช้ความรู้ต่อสถานการณ์ต่างๆ หรือ การสนธิความรู้ในหลายๆแขนงในการแก้ปัญหาเพียงปัญหาเดียว การบ้านยังคงสร้างโอกาสให้ ผู้ปกครองได้ติดตามดูแลการเรียนของลูกได้อีกด้วย
      
   2.)ฟังเพลง

ฟังเพลง


 1. คลายความเครียด
          ใคร ๆ ก็รู้ว่าดนตรีช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้น ยิ่งได้ฟังเพลงโปรดก็ยิ่งแฮปปี้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่นอกจากความฟินที่ได้ฟังเพลงเพราะแล้ว งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ยังเน้นย้ำให้แน่ใจอีกด้วยว่า การฟังเพลงโปรดช่วยคลายความเครียด ลดความกดดัน และคลายความกังวลในจิตใจได้เป็นอย่างดี อ้างอิงโดยการทดลองกับกลุ่มผู้ป่วย ICU นั่นเอง
 

 2. ลดความอ้วนด้วยดนตรีจังหวะนุ่มนวล
          สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอต และอยากจำกัดปริมาณการรับประทานอาหารของตัวเอง อย่างนี้ต้องจัดฉากโรแมนติก กินข้าวเคล้าเสียงเพลงคลาสสิค เพลงแจ๊ส หรือเพลงจังหวะเบา ๆ สักหน่อยแล้วล่ะค่ะ เพราะวารสารด้านจิตวิทยาได้รายงานผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนลเอาไว้ว่า เหล่าคนที่กินข้าวเคล้าเสียงเพลงจังหวะนิ่ม ๆ จะกินอาหารได้น้อยลงกว่า 18% จากปกติเชียวล่ะ

 3. กระตุ้นแรงบันดาลใจด้วยเพลงมีจังหวะ
          ในขณะที่เพลงจังหวะเนิบช้าช่วยลดความอยากอาหาร มหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรียก็แสดงผลวิจัยตีคู่กันมาว่า เสียงเพลงในจังหวะเร็วขึ้นมาอีกนิดจะช่วยกระตุ้นความตื่นตัว เสริมแรงบันดาลใจที่ทำท่าว่าจะมอดดับของคุณให้กลับมามีพลังอีกครั้งได้ด้วย โดยผลลัพธ์ที่ได้ก็เกิดจากการทดสอบของกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มทำงาน ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจแห่งความเครียดชิ้นหนึ่งและพบว่า เขาเหล่านี้จะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ฟังเพลง

 4. ช่วยให้การสูบฉีดเลือดคล่องตัวขึ้น
          นักวิจัยชาวดัตช์ได้เผยผลวิจัยในการประชุมของสมาคมโรคหัวใจแห่งยุโรป เมื่อปี 2003 ว่า ผู้ป่วยที่ฟังเพลงโปรดวันละ 30 นาทีเป็นประจำในขณะที่ออกกำลังกาย จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพิ่มกรดไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ตัวช่วยขยายหลอดเลือดให้เลือดเดินสะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจในเวลาต่อมา

 5. ยิ่งร้องประสานเสียงยิ่งมีความสุขได้อีก
          ในจำนวนผู้ทดลอง 375 คน แบ่งเป็นกลุ่มนักร้องประสานเสียง นักร้องเดี่ยว และกลุ่มนักกีฬาเป็นทีม ผลวิจัยของประเทศอังกฤษก็พบว่า กิจกรรมที่ทำร่วมกันเป็นทีมจะมอบความสุขให้กลุ่มผู้ทดลองได้มากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มนักร้องประสานเสียง ซึ่งสามารถวัดระดับความสุขได้สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ทั้งนี้นักวิจัยก็อธิบายเพิ่มเติมว่า การได้ทำอะไรร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความสามัคคี ความรู้สึกว่าเราเป็นทีมเดียวกัน จะส่งเสริมให้ทุกคนมีกำลังใจและมีความสุขมากขึ้น และยิ่งมีเสียงเพลงคอยขับกล่อมด้วยแล้ว ความสุขใจก็ทบทวีคูณเป็นสองเท่าเลยจ้า


  6. ลับสมองด้วยทักษะดนตรี
          วารสารประสาทวิทยาแสดงผลวิจัยที่เกี่ยวข้องกับดนตรีกับประสิทธิภาพการทำงานของสมองให้ได้รู้ทั่วกันว่า คนที่มีทักษะการเล่นดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่งตั้งแต่ยังเด็ก หรือแม้จะเพิ่งเริ่มเล่นดนตรีในช่วงวัยรุ่นก็ตาม มีแนวโน้มคงประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ยาวนานกว่าคนที่ชีวิตนี้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับดนตรีเลย อีกทั้งนักดนตรีทั้งหลายยังมีทักษะการแยกแยะและตอบสนองต่อเสียงได้ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก

 7. เสียงเพลงเรียกร้องความร่วมมือจากเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี
          คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่อยากหล่อหลอมให้ลูกรักมีจิตใจอ่อนโยน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ และว่านอนสอนง่าย นักวิจัยจากประเทศอังกฤษก็แนะนำให้ส่งลูก ๆ เข้าเรียนดนตรีตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ไปเลยค่ะ เพราะเสียงเพลงจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้เด็ก ๆ เกิดความอ่อนโยน มีสมาธิมากขึ้น และมีแนวโน้มเป็นเด็กเก่งที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อให้เพื่อน ๆ ด้วย

  8. ชะลออารมณ์หงุดหงิดของคนขับรถ
          ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การขับรถเป็นวิธีสร้างอารมณ์ฉุนเฉียวให้เราได้มากมายขนาดไหน ก็แหม เดี๋ยวรถคันนั้นก็ปราดหน้า เดี๋ยวก็มอเตอร์ไซค์แซงซ้ายแซงขวาฉวัดเฉวียน แค่คิดก็พาอารมณ์ขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการยศาสตร์ เมื่อปี 2013 ก็ชี้แนะวิธีลดความโกรธของผู้ขับขี่โดยให้ผู้ขับขี่เปิดเพลงโปรดฟังคลอการขับขี่ไปเรื่อย ๆ แค่นี้ก็จะสามารถควบคุมอารมณ์และการขับขี่ของตัวเองได้อย่างชิล ๆ มากกว่าเดิมแล้ว

 9.  ควบคุมโรคมะเร็งในเด็กได้อยู่หมัด
          โรงพยาบาลเพื่อการวิจัยเด็กเซนต์จูด (St. Jude Children’s Research Hospital) ได้เผยผลการทดลองว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นที่ทำการรักษาด้วยดนตรี มีแนวโน้มควบคุมการขยายตัวของโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่กำลังอยู่ในช่วงปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ที่ได้เรียนรู้การเขียนเพลงและการทำมิวสิควิดีโอ เนื่องจากโลกแห่งเสียงดนตรีจะช่วยเยียวยาความรู้สึก และป้องกันปัจจัยภายนอกที่จะเข้ามาบั่นทอนผู้ป่วยให้หมดกำลังใจในการรักษาได้ และเมื่อผู้ป่วยมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นก็มีโอกาสต่อสู่โรคมะเร็งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพขึ้นนั่นเอง

3.)ดูโทรทัศน์


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดูโทรทัศน์

  1. ทีวีช่วยให้พ่อแม่ มีเวลาไปทำอย่างอื่น พ่อแม่อยากจะทำแต่งาน อยากจะไปเที่ยวสังสรรค์ ไปช้อปลดราคาตามห้างให้เพลิดเพลิน ไม่ต้องมาเสียเวลาทำกิจกรรมกับลูก  ปล่อยให้ทีวีช่วยตรึงเด็กให้อยู่นิ่ง ไม่ซน ไม่เรียกร้องอยากไปไหน   มือไม้เท้าแขนและร่างกายไม่ต้องเคลื่อนไหว ถึงเวลาอาหารก็ให้แม่บ้านนำจานข้าวมาส่งให้ที่หน้าจอ
  2. หรือถ้าจะต้องหาโปรแกรมไปข้างนอก  ทีวีก็จะมีโปรแกรมชี้นำและรายการสินค้าหลากหลายให้ไปหาซื้อ ชักชวนให้เด็กไป
  3. ทีวีมีอาหารเมนูเด็ด ที่คอยกระตุ้นให้เด็กจำได้ตลอดเวลา ร้านไหนอร่อยยังไง  เบอร์โทรเบอร์อะไร เด็กจำได้หมด  โดยเฉพาะเมนูอาหารฟาสฟู๊ดฝรั่งที่เด็กจำได้ดี พ่อแม่ไม่ต้องเหนื่อยยากหุงหาอาหารหรือนึกเมนูให้ลำบาก
  4. ทีวีมีความรู้สำเร็จรูป ป้อนให้เด็กถึงบ้าน ไม่ต้องไปค้นหาด้วยตัวเอง  ไม่ต้องไปเสียเวลาเรียนรู้  ไม่ต้องไปหาอ่านจากหนังสือหรือเสียเวลาฝึกปรือทักษะใดๆของตัวเอง  ไม่ต้องเรียนรู้จากของจริงในธรรมชาติให้เหนื่อยยาก
  5. ทีวีมีความบันเทิงหลากหลาย การ์ตูนสารพัดเรื่อง เกมโชว์เช้ายันค่ำ และยังละครหลายรสชิงรักหักสวาท ล้นจอ  เด็กๆได้เสริมสร้างจินตนาการ  เอาชีวิตในละครมาผสมผสานลอกเลียนใช้ในชีวิตจริง
  6. สายตาเด็กจับจ้องอยู่กับทีวีตลอดเวลา โดยเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์  ทำให้ตานิ่ง  หูฟัง ไม่ต้องพูดไม่ต้องคุยกับใครๆ  ฝึกพูดไปกับทีวี ด้วยศัพท์แสงหลากหลาย เก็บเอาไปใช้กับเพื่อนๆ  ไม่ให้เชยหรือล้าหลังเด็กคนอื่นๆ
  7. พ่อแม่เด็กไม่ต้องห่วงว่าเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่บ้านแล้วเด็กจะขาดแบบอย่าง  ในทีวีมีแบบอย่างให้เด็กเลียนแบบยึดถือปฎิบัติตามมากมาย ทั้งนักร้องดารา การแต่งกาย  เด็กเล็กจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้เร็ว ทั้งการทำท่าทางแบบดารานักร้อง การเต้น การแต่งตัว เนื้อเพลงรักๆใคร่ที่เด็กฟังอยู่ทั้งวัน เด็กเล็กก็จะดูคล้ายผู้ใหญ่ มีความต้องการต่างๆแบบผู้ใหญ่ เด็กจะเป็นคนทันสมัยรู้จักอุปกรณ์สารพัดไฮเทค จะได้บอกพ่อแม่ได้ถูกว่าอยากมีนั่นมีนี่ให้ไม่ตกเทรนด์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น