วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2562

สินค้าที่จะขาย



 
กระเป๋าแฟชั่น
 
ราคา 199 บาท  ใช้สำหรับไส่ของเวลาเดินทางไปใหน สะพายเพื่อความสวยงาม    
สถานที่ขาย;ร้านเจ๊ปิ๋ม Tel:0994106381



ชุดเดรส
 ราคา250 บาท  ใช้สำหรับสวมไส่ไปใหนมาใหน เพื่อความสวยงาม สามารถไส่ใด้หลายโอกาส  สถานที่ขาย:ร้านเจ๊ปิ๋ม Tel:0994106381 



เคสโทรศัพท์ไอโฟน(5,5S,SE)
ราคา 100 บาท สวมไส่ในโทรศัพท์ ป้องกันการตกแตก เพื่อความสวยงาม เป็นแฟชั่น
สถานที่ขาย:ร้านเจ๊ปิ๋ม tel:0994106381

STEM

บทที่1

บทนำ

1.แนวคิดที่มาและความสำคัญของโครงงาน

                 เพื่อเวลาที่เราดูหนังหรือฟังเพลงกับเพื่อนหลายๆคน  ลำโพงจากโทรศัพท์อาจจะได้ยินเบาหรืออาจจะไม่ได้ยินเพราะมีสมาชิกในการดูเยอะ เพื่อป้องกันลำโพงจากโทรศัพท์ที่อาจจะแตกเมื่อเราเปิดเสียงดังเกินไป บางคนอาจจะคิดว่า ทำไมไม่ซื้อที่belkinrockstarฟังได้หลายๆอัน ผู้จัดทำได้คิดว่า การที่เราเสียเงินในการซื้อ belkinrockstar มันอาจจะสิ้นเปลืองเกินไป ดังนั้นผู้จัดได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดทำลำโพงจากโทรศัพท์อันนี้ขึ้น

2.วัตถุประสงค์ของโครงงาน
             2.1 เพื่อขยายเสียงของลำโพงจากโทรศัพท์เวลาฟังเพลงและดูหนัง                                            
             2.2 เพื่อขยายเสียงของลำโพงจากโทรศัพท์ให้มีเสียงดังฟังชัดมากกว่าเดิม
3.ขอบเขตและข้อจำกัดของโครงงาน
              การทำลำโพงจากกระป๋องน้ำอัดลมเพื่อสร้างจุดเด่น และได้เห็นคุณค่าของลำโพงจากกระป๋องน้ำอัดลม
4.ประโยชน์ที่ได้รับ
             1.ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อ belkinrockstar
             2.ได้ฟังเพลงและดูหนังกับเพื่อนๆได้อย่างสนุกสนาน ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการได้ยินเสียงหรือไม่
             3.เพื่อป้องกันการแตกของลำโพงจากโทรศัพท์

บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

                  ในการศึกษาโครงงานสะเต็มเรื่อง  ลำโพงกรุบกริบ  ผู้จัดทำได้รวบรวมแนวคิดต่างๆ จากเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
   2.1  วิธีการทำลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์ทำอย่างไรให้ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์ที่เราประดิษฐ์เสียงดังฟังชัด
ต้องทำโดยการนำวัสดุ-อุปกรณ์มาประดิษฐ์ให้เป็นลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์ที่เราต้องการและสามารถนำมาใช้งานได้จริง
                   2.2  ตัวขยายเสียงอะไรที่สามารถช่วยในการขยายเสียงจากลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์ธรรมดาๆให้มันดังมากยิ่งขึ้น
                ใช้กระป๋องน้ำอัดลม เพื่อให้เสียงจากโทรศัพท์ก้องเข้าไปในกระป๋องน้ำอัดลมและทำให้เกิดเสียงดังฟังชัดมากกว่าเสียงจากโทรศัพท์ปกติ

บทที่ 3
วิธีการดำเนินงานโครงงาน
3.1วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนา
                      3.1.1 กระป๋องน้ำอัดลมที่ไม่ใช้แล้วเช่น(กระป๋องน้ำโค้ก)
                      3.1.2  กระดาษลัง
                     3.1.3  ฝาขวดน้ำที่ไม่ใช้แล้ว
                     3.1.4 กาวร้อน
                     3.1.5 กรรไกร หรือ คัตเตอร์
                     3.1.6 อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตกแต่งชิ้นงาน
3.2ภาพร่างในการพัฒนาชิ้นงาน
   

 

3.3ในกรณีที่เป็นโครงงานสะเต็มของการสร้างวิธีการ จะเป็นการเขียนแผนผังของวิธีการ
                      เป็นการเขียนแผนผังของวิธีการออกแบบชิ้นงาน คิดค้น  ปฏิบัติชิ้นงานตามที่เราต้องการ
จะศึกษาและทดลอง  เราจะใช้แผนผังให้เกิดประโยชน์เช่น ในการวิเคราะห์ปัญหา การออกแบบชิ้นงาน  การเขียนหรือทดลองชิ้นงาน  การทดสอบและแก้ไขปัญหา  และการนำเสนอชิ้นงาน
3.4ขั้นตอนการสร้างชิ้นงานตามแบบ
                  3.4.1 หากระป๋องน้ำอัดลม 1 กระป๋อง
                  3.4.2 เจาะรูกลางกระป๋องน้ำอัดลม 2 รู โดยให้มีขนาดเท่ากันทั้ง 2 รู
                  3.4.3 ตัดกระดาษลังให้มีขนาดใหญ่กว่าความกว้างของโทรศัพท์เล็กน้อย และตัดบริเวณตรงกลางให้มีขนาดเท่ากับความกว้างของโทรศัพท์เพื่อให้โทรศัพท์เข้าไปได้เล็กน้อย (อันที่1)
                  3.4.4 นำกาวร้อนมาทาบริเวณกระดาษลังที่ถูกตัด (อันที่1)
                  3.4.5 นำไปติดกับข้างๆของกระป๋องน้ำอัดลม
                  3.4.6  กระดาษลังให้มีขนาดใหญ่กว่าความกว้างของโทรศัพท์เล็กน้อย และตัดบริเวณตรงกลาง  ให้มีขนาดเท่ากับความกว้างของโทรศัพท์เพื่อให้โทรศัพท์เข้าไปได้เล็กน้อย (อันที่2)
                  3.4.7  นำกาวร้อนมาทาบริเวณกระดาษลังที่ถูกตัด (อันที่2)
                  3.4.8 นำไปติดที่กระดาษลังที่เป็นฐานด้านล่างสุด
                  3.4.9 ตัดกระดาษลังที่เป็นฐานมีขนาดความยาวเท่าไรก็ได้ตามที่ต้องการ
                  3.4.10  นำโทรศัพท์ทั้งท้ายและหัวของโทรศัพท์ไปสอดในกระดาษที่ตัดไว้ทั้ง2อัน
3.5ทดสอบและปรับปรุงชิ้นงานให้สามารถทำงานได้
               สามารถใช้งานได้จริงตามที่ต้องการ โดยการทดลองทำชิ้นงานขึ้นมาและฟังว่าได้ผลหรือไม่
บทที่ 4

ผลการดำเนินงาน
            4.1  ผลการดำเนินงาน
            ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์  ได้นำวัสดุเหลือใช้ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาทำให้เกิดประโยชน์ขึ้นอีกครั้ง โดยการนำมาดัดแปลงเป็นลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
            ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์ชิ้นนี้  ช่วยทำให้เราได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ชัดขึ้น  เนื่องจากโทรศัพท์บางชนิดที่ลำโพงเสียงแตกก็จะทำให้ได้ยินเสียงไม่ค่อยชัด  ซึ่งลำโพงตัวนี้ก็จะช่วยในการขยายเสียงลำโพงโทรศัพท์ที่แตกให้ได้ยินดังขึ้นและชัดมากขึ้น
            4.2  การนำไปใช้ให้ครอบคลุมหน่วยบูรณาการของกลุ่มสาระในระดับ ม.4  เรื่อง  วิถีพอเพียง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การนำเอาหลักการสะท้อนของเสียงมาใช้ในโครงงาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การวัด  การแบ่งตัดในการทำผลงาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การใช้คำให้เหมาะสมกับการอธิบายโครงงาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การออกแบบลักษณะ  รูปแบบของลำโพง
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การนำของเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์

บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน
            4.1  ผลการดำเนินงาน
            ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์  ได้นำวัสดุเหลือใช้ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาทำให้เกิดประโยชน์ขึ้นอีกครั้ง โดยการนำมาดัดแปลงเป็นลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
            ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์ชิ้นนี้  ช่วยทำให้เราได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ชัดขึ้น  เนื่องจากโทรศัพท์บางชนิดที่ลำโพงเสียงแตกก็จะทำให้ได้ยินเสียงไม่ค่อยชัด  ซึ่งลำโพงตัวนี้ก็จะช่วยในการขยายเสียงลำโพงโทรศัพท์ที่แตกให้ได้ยินดังขึ้นและชัดมากขึ้น
            4.2  การนำไปใช้ให้ครอบคลุมหน่วยบูรณาการของกลุ่มสาระในระดับ ม.4  เรื่อง  วิถีพอเพียง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การนำเอาหลักการสะท้อนของเสียงมาใช้ในโครงงาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การวัด  การแบ่งตัดในการทำผลงาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การใช้คำให้เหมาะสมกับการอธิบายโครงงาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การออกแบบลักษณะ  รูปแบบของลำโพง
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  เรื่อง  ลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์
แนวทางการบูรณาการ  การนำของเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์

 บทที่  5

สรุป  อภิปรายและข้อเสนอแนะ
5.1  สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน
            การทำชิ้นงานชิ้นนี้เมื่อนำมาทดลองใช้แล้วสามารถนำมาใช้งานได้จริง  ส่วนหนึ่งเพื่อประหยัดงบประมาณในการซื้อลำโพงบลูทูธ  ซึ่งมีราคาสูงมาก  และยังช่วยป้องกันไม่ให้ลำโพงโทรศัพท์เสียงแตก  ช่วยขยายเสียงได้ดีอีกด้วย

5.2  ปัญหาและอุปสรรค
            เสียงยังดังได้ไม่ชัดมากในที่ๆมีคนเยอะๆและเสียงดัง  ซึ่งทางเราก็จะนำมาดำเนินการปรับปรุงให้ได้ยินเสียงมากขึ้นในที่ๆมีคนเยอะและเสียงดัง

5.3  ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา
            สำหรับเด็กๆที่จะทำตามเพื่อนำไปใช้  ให้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองในขึ้นตอนการทำเพราะอาจจะต้องมีการใช้ของมีคมและอาจจะบาดหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

 ข้อคิดเห็นและแนวทางการศึกษาเพื่อพัฒนางาน
1 เพิ่มการได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ และประหยัดพลังงานโดยที่ไม่ต่อสาย USB
2 เพิ่มคุณค่าของวัสดุเหลือใช้ให้สามารถนำมาดัดแปลงและใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
3 การนำเอาวัสดุเหลือใช้มาใช้ประโยชน์สูงสุดอย่างเช่นการนำเอากระป๋องน้ำอัดลมมาใช้ในการขยายเสียงที่ออกจากลำโพงโทรศัพท์และใช้กล่องกระดาษลังในการสร้างฐานให้มั่นคงต่อการลองรับน้ำหนักของโทรศัพท์และใช้ฝาน้ำอัดลมมาเพื่อระบายและขยายเสียงให้สามารถรับฟังได้ดีขึ้น 
ข้อเสนอแนะ
1 ควรปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของโครงงานให้ดูสวยงาม
2 เพิ่มความทนทานของโครงงาน
3 เพิ่มความสามารถในการใช้งานของโครงงาน
4 ควรทำให้สะดวอกต่อการพกพา
5 ปรับลักษณะของโครงงานให้สามารถใช้งานได้กับโทรศัพท์ทุกประเภท
 บรรณานุกรม
            Monitor.  ชุดเครื่องเสียง.  เข้าถึงวันที่ 20  กันยายน  2558.
            วีระชาติ  อินคำแหง.  2558.  โครงงานสะเต็มเรื่องลำโพงขยายเสียงจากโทรศัพท์.  21  ตุลาคม  2558.





งานอดิเรก
    
   1.)ทำการบ้าน
            
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทําการบ้าน

         เพื่อเพิ่มพูนทักษะ พัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะของผู้เรียน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต่อต้านการสั่งการบ้านกลับมองว่า การบ้านนั้นเป็นแค่การยัดเยียดความรู้ให้ผู้เรียน โดยไม่ทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในเนื้อหา เป็นงานหยาบๆ ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยเวลามาจากเด็กโดยไม่ก่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม การบ้านอาจจะถูกออกแบบมา เพื่อเพิ่มเติมในสิ่งที่นักเรียนได้เรียนไปแล้ว และเตรียมตัวให้ผู้เรียนพร้อมต่อบทเรียนถัดไปที่ยากขึ้น และซับซ้อนมากขึ้น, เพิ่มเติมความรู้ให้ผู้เรียน โดยการประยุกต์ใช้ความรู้ต่อสถานการณ์ต่างๆ หรือ การสนธิความรู้ในหลายๆแขนงในการแก้ปัญหาเพียงปัญหาเดียว การบ้านยังคงสร้างโอกาสให้ ผู้ปกครองได้ติดตามดูแลการเรียนของลูกได้อีกด้วย
      
   2.)ฟังเพลง

ฟังเพลง


 1. คลายความเครียด
          ใคร ๆ ก็รู้ว่าดนตรีช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้น ยิ่งได้ฟังเพลงโปรดก็ยิ่งแฮปปี้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่นอกจากความฟินที่ได้ฟังเพลงเพราะแล้ว งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ยังเน้นย้ำให้แน่ใจอีกด้วยว่า การฟังเพลงโปรดช่วยคลายความเครียด ลดความกดดัน และคลายความกังวลในจิตใจได้เป็นอย่างดี อ้างอิงโดยการทดลองกับกลุ่มผู้ป่วย ICU นั่นเอง
 

 2. ลดความอ้วนด้วยดนตรีจังหวะนุ่มนวล
          สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอต และอยากจำกัดปริมาณการรับประทานอาหารของตัวเอง อย่างนี้ต้องจัดฉากโรแมนติก กินข้าวเคล้าเสียงเพลงคลาสสิค เพลงแจ๊ส หรือเพลงจังหวะเบา ๆ สักหน่อยแล้วล่ะค่ะ เพราะวารสารด้านจิตวิทยาได้รายงานผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนลเอาไว้ว่า เหล่าคนที่กินข้าวเคล้าเสียงเพลงจังหวะนิ่ม ๆ จะกินอาหารได้น้อยลงกว่า 18% จากปกติเชียวล่ะ

 3. กระตุ้นแรงบันดาลใจด้วยเพลงมีจังหวะ
          ในขณะที่เพลงจังหวะเนิบช้าช่วยลดความอยากอาหาร มหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรียก็แสดงผลวิจัยตีคู่กันมาว่า เสียงเพลงในจังหวะเร็วขึ้นมาอีกนิดจะช่วยกระตุ้นความตื่นตัว เสริมแรงบันดาลใจที่ทำท่าว่าจะมอดดับของคุณให้กลับมามีพลังอีกครั้งได้ด้วย โดยผลลัพธ์ที่ได้ก็เกิดจากการทดสอบของกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มทำงาน ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจแห่งความเครียดชิ้นหนึ่งและพบว่า เขาเหล่านี้จะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ฟังเพลง

 4. ช่วยให้การสูบฉีดเลือดคล่องตัวขึ้น
          นักวิจัยชาวดัตช์ได้เผยผลวิจัยในการประชุมของสมาคมโรคหัวใจแห่งยุโรป เมื่อปี 2003 ว่า ผู้ป่วยที่ฟังเพลงโปรดวันละ 30 นาทีเป็นประจำในขณะที่ออกกำลังกาย จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพิ่มกรดไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ตัวช่วยขยายหลอดเลือดให้เลือดเดินสะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจในเวลาต่อมา

 5. ยิ่งร้องประสานเสียงยิ่งมีความสุขได้อีก
          ในจำนวนผู้ทดลอง 375 คน แบ่งเป็นกลุ่มนักร้องประสานเสียง นักร้องเดี่ยว และกลุ่มนักกีฬาเป็นทีม ผลวิจัยของประเทศอังกฤษก็พบว่า กิจกรรมที่ทำร่วมกันเป็นทีมจะมอบความสุขให้กลุ่มผู้ทดลองได้มากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มนักร้องประสานเสียง ซึ่งสามารถวัดระดับความสุขได้สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ทั้งนี้นักวิจัยก็อธิบายเพิ่มเติมว่า การได้ทำอะไรร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความสามัคคี ความรู้สึกว่าเราเป็นทีมเดียวกัน จะส่งเสริมให้ทุกคนมีกำลังใจและมีความสุขมากขึ้น และยิ่งมีเสียงเพลงคอยขับกล่อมด้วยแล้ว ความสุขใจก็ทบทวีคูณเป็นสองเท่าเลยจ้า


  6. ลับสมองด้วยทักษะดนตรี
          วารสารประสาทวิทยาแสดงผลวิจัยที่เกี่ยวข้องกับดนตรีกับประสิทธิภาพการทำงานของสมองให้ได้รู้ทั่วกันว่า คนที่มีทักษะการเล่นดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่งตั้งแต่ยังเด็ก หรือแม้จะเพิ่งเริ่มเล่นดนตรีในช่วงวัยรุ่นก็ตาม มีแนวโน้มคงประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ยาวนานกว่าคนที่ชีวิตนี้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับดนตรีเลย อีกทั้งนักดนตรีทั้งหลายยังมีทักษะการแยกแยะและตอบสนองต่อเสียงได้ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก

 7. เสียงเพลงเรียกร้องความร่วมมือจากเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี
          คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่อยากหล่อหลอมให้ลูกรักมีจิตใจอ่อนโยน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ และว่านอนสอนง่าย นักวิจัยจากประเทศอังกฤษก็แนะนำให้ส่งลูก ๆ เข้าเรียนดนตรีตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ไปเลยค่ะ เพราะเสียงเพลงจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้เด็ก ๆ เกิดความอ่อนโยน มีสมาธิมากขึ้น และมีแนวโน้มเป็นเด็กเก่งที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อให้เพื่อน ๆ ด้วย

  8. ชะลออารมณ์หงุดหงิดของคนขับรถ
          ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การขับรถเป็นวิธีสร้างอารมณ์ฉุนเฉียวให้เราได้มากมายขนาดไหน ก็แหม เดี๋ยวรถคันนั้นก็ปราดหน้า เดี๋ยวก็มอเตอร์ไซค์แซงซ้ายแซงขวาฉวัดเฉวียน แค่คิดก็พาอารมณ์ขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการยศาสตร์ เมื่อปี 2013 ก็ชี้แนะวิธีลดความโกรธของผู้ขับขี่โดยให้ผู้ขับขี่เปิดเพลงโปรดฟังคลอการขับขี่ไปเรื่อย ๆ แค่นี้ก็จะสามารถควบคุมอารมณ์และการขับขี่ของตัวเองได้อย่างชิล ๆ มากกว่าเดิมแล้ว

 9.  ควบคุมโรคมะเร็งในเด็กได้อยู่หมัด
          โรงพยาบาลเพื่อการวิจัยเด็กเซนต์จูด (St. Jude Children’s Research Hospital) ได้เผยผลการทดลองว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นที่ทำการรักษาด้วยดนตรี มีแนวโน้มควบคุมการขยายตัวของโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่กำลังอยู่ในช่วงปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ที่ได้เรียนรู้การเขียนเพลงและการทำมิวสิควิดีโอ เนื่องจากโลกแห่งเสียงดนตรีจะช่วยเยียวยาความรู้สึก และป้องกันปัจจัยภายนอกที่จะเข้ามาบั่นทอนผู้ป่วยให้หมดกำลังใจในการรักษาได้ และเมื่อผู้ป่วยมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นก็มีโอกาสต่อสู่โรคมะเร็งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพขึ้นนั่นเอง

3.)ดูโทรทัศน์


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดูโทรทัศน์

  1. ทีวีช่วยให้พ่อแม่ มีเวลาไปทำอย่างอื่น พ่อแม่อยากจะทำแต่งาน อยากจะไปเที่ยวสังสรรค์ ไปช้อปลดราคาตามห้างให้เพลิดเพลิน ไม่ต้องมาเสียเวลาทำกิจกรรมกับลูก  ปล่อยให้ทีวีช่วยตรึงเด็กให้อยู่นิ่ง ไม่ซน ไม่เรียกร้องอยากไปไหน   มือไม้เท้าแขนและร่างกายไม่ต้องเคลื่อนไหว ถึงเวลาอาหารก็ให้แม่บ้านนำจานข้าวมาส่งให้ที่หน้าจอ
  2. หรือถ้าจะต้องหาโปรแกรมไปข้างนอก  ทีวีก็จะมีโปรแกรมชี้นำและรายการสินค้าหลากหลายให้ไปหาซื้อ ชักชวนให้เด็กไป
  3. ทีวีมีอาหารเมนูเด็ด ที่คอยกระตุ้นให้เด็กจำได้ตลอดเวลา ร้านไหนอร่อยยังไง  เบอร์โทรเบอร์อะไร เด็กจำได้หมด  โดยเฉพาะเมนูอาหารฟาสฟู๊ดฝรั่งที่เด็กจำได้ดี พ่อแม่ไม่ต้องเหนื่อยยากหุงหาอาหารหรือนึกเมนูให้ลำบาก
  4. ทีวีมีความรู้สำเร็จรูป ป้อนให้เด็กถึงบ้าน ไม่ต้องไปค้นหาด้วยตัวเอง  ไม่ต้องไปเสียเวลาเรียนรู้  ไม่ต้องไปหาอ่านจากหนังสือหรือเสียเวลาฝึกปรือทักษะใดๆของตัวเอง  ไม่ต้องเรียนรู้จากของจริงในธรรมชาติให้เหนื่อยยาก
  5. ทีวีมีความบันเทิงหลากหลาย การ์ตูนสารพัดเรื่อง เกมโชว์เช้ายันค่ำ และยังละครหลายรสชิงรักหักสวาท ล้นจอ  เด็กๆได้เสริมสร้างจินตนาการ  เอาชีวิตในละครมาผสมผสานลอกเลียนใช้ในชีวิตจริง
  6. สายตาเด็กจับจ้องอยู่กับทีวีตลอดเวลา โดยเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์  ทำให้ตานิ่ง  หูฟัง ไม่ต้องพูดไม่ต้องคุยกับใครๆ  ฝึกพูดไปกับทีวี ด้วยศัพท์แสงหลากหลาย เก็บเอาไปใช้กับเพื่อนๆ  ไม่ให้เชยหรือล้าหลังเด็กคนอื่นๆ
  7. พ่อแม่เด็กไม่ต้องห่วงว่าเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่บ้านแล้วเด็กจะขาดแบบอย่าง  ในทีวีมีแบบอย่างให้เด็กเลียนแบบยึดถือปฎิบัติตามมากมาย ทั้งนักร้องดารา การแต่งกาย  เด็กเล็กจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้เร็ว ทั้งการทำท่าทางแบบดารานักร้อง การเต้น การแต่งตัว เนื้อเพลงรักๆใคร่ที่เด็กฟังอยู่ทั้งวัน เด็กเล็กก็จะดูคล้ายผู้ใหญ่ มีความต้องการต่างๆแบบผู้ใหญ่ เด็กจะเป็นคนทันสมัยรู้จักอุปกรณ์สารพัดไฮเทค จะได้บอกพ่อแม่ได้ถูกว่าอยากมีนั่นมีนี่ให้ไม่ตกเทรนด์

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2562

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว

               1.)ชื่อ:ด.ญ.อาทิตยา   ปาลรัตน์
             2.)ชื่อเล่น:เนม
             3.)เลขประจำตัวนักเรียน:48178
             4.)อายุ:13ปี
             5.)เรียนอยู่ชั้น:ชั้นมัธยมศึกษาปีที่2/8
             6.)วัน/เดือน/ปีเกิด:วันที่20/02/48
             7.)เบอร์โทรศัพท์:0994106381
             8.)กรุ๊ปเลือด:AB
             9.)สีที่ชอบ:สีเขียว,สีฟ้า,สีดำ
            10.)วิชาที่ชอบ:ภาษาไทย สังคมและวิทยศาสตร์
            11.)วิชาที่ไม่ชอบ:อังกฤษ,คณิตศาสตร์
            12.)อาหารที่ชอบ:ข้าวผัด,สปาเก็ตตี้
            13.)งานอดิเรก:เล่นโทรศัพท์,เล่นกับเพื่อน
            14.)คติประจำใจ:ความพยายามอยู่ที่ใหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
     

ภาพถ่าย

 


เด็กหญิงอาทิตยา ปาลรัตน์ เลขที่6 ชั้นม.2/8